แนวปฏิบัติที่ดี เรื่อง การเผยแพร่ผลงานวิจัยระดับชาติและนานาชาติ จากการถอดบทเรียนในการประชุมเวทีสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของสถาบัน



วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สระบุรี
แนวปฏิบัติที่ดี เรื่อง การเผยแพร่ผลงานวิจัยระดับชาติและนานาชาติ
จากการถอดบทเรียนในการประชุมเวทีสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของสถาบัน

ความเป็นมาของแนวปฏิบัติที่ดี (Good practice) 
            วิทยาลันพยาบาลบรมราชชนนี สระบุรี ได้ดำเนินการจัดการความรู้โดยผ่านจากเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประเด็นการเผยแพร่ผลงานวิจัยระดับชาติและนานาชาติ  ตั้งแต่ปีการศึกษา 2556 เป็นต้นมา  โดยเน้นการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากประสบการณ์จริงโดยบุคลากรในองค์กรนำแนวปฏิบัติที่ดีของปีการศึกษา 2556 ไปลงมือปฏิบัติและนำผลการปฏิบัติมาสู่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ผลการนำ               แนวปฏิบัติไปใช้ ทำให้การดำเนินงานการเผยแพร่ผลงานวิจัย ได้สะดวก รวดเร็วขึ้น และได้รับการตอบรับให้ลงตีพิมพ์บทความในวารสารได้รวดเร็วขึ้น ผู้วิจัยมีความสุขในการทำงานมากขึ้น รวมทั้งผ่านเกณฑ์                    การประกันคุณภาพภายใน ระดับอุดมศึกษาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
            ข้อมูลที่ได้จากการแลกเปลี่ยนมาสู่เวทีการพัฒนาขั้นตอนหรือการดำเนินงานเพื่อให้ผลงานวิจัยได้มีจำนวนเพิ่มขึ้นทั้งการนำเสนอในเวทีวิชาการและการลงตีพิมพ์ในวารสาร ผลลัพธ์จากการถอดบทเรียนในเวทีการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้สามารถสรุปเป็นแนวปฏิบัติที่ดีได้ 2 ประเด็น คือ 1) การนำเสนอผลงานวิจัยหรือโปสเตอร์ในการประชุมเวทีวิชาการระดับนานาชาติ 2) การนำเสนอผลงานวิจัยหรือโปสเตอร์ในการประชุมเวทีวิชาการระดับชาติ และแนวปฏิบัติที่ต้องนำไปทดลองใช้ในปีการศึกษาต่อไปเพื่อนำมาสรุปให้ได้ขั้นตอนการทำงานที่ดี คือ การตีพิมพ์บทความวิจัยในวารสารวิชาการระดับชาติหรือนานาชาติ

การนำเสนอผลงานวิจัย/โปสเตอร์ในการประชุมเวทีวิชาการระดับนานาชาติ  มี
ขั้นตอนในการดำเนินงานดังนี้
1.1   ศึกษาข้อมูลและค้นหาเวทีในการนำเสนอ
1.2   การขออนุมัติต่อคณะกรรมการบริหารวิทยาลัยฯ อาจารย์แจ้งเรื่องการไปนำเสนอผลงานวิจัยต่อผู้รับผิดชอบการเผยแพร่งานวิจัยเพื่อเข้าสู่คณะกรรมการบริหารวิทยาลัยฯพิจารณา หากได้รับอนุมัติให้ดำเนินการตามระเบียบ...
1.3   การสมัครไปนำเสนอผลงานวิจัย  โดยส่งบทคัดย่องานวิจัยไปประกอบการพิจารณาด้วย หาข้อมูลได้จากกลุ่มภารกิจด้านวิจัย การประชาสัมพันธ์ข้อมูลทางเอกสาร จดหมายราชการ หรือทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์
1.4   การติดตามผลการแจ้งตอบรับให้ไปนำเสนอผลงานวิจัย และรายละเอียดข้อมูลประกอบการนำเสนอ เช่น วัน เวลาที่จะให้ไปนำเสนอ สถานที่ ภาษาที่ใช้ หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อผู้รับผิดชอบ เป็นต้น
1.5   การดำเนินการขออนุมัติไปราชการ การไปนำเสนอผลงานวิจัยตามระเบียบราชการ เมื่อได้รับการตอบรับแล้วให้นำหลักฐานการตอบรับมาทำเรื่องขออนุมัติการเดินทางและงบประมาณค่าใช้จ่าย ค่าลงทะเบียน
1.6   การลงทะเบียนสมัคร ไปนำเสนอผลงานวิจัย เมื่อได้รับการอนุมัติตามข้อ 1.3 แล้วจึงสมัครลงทะเบียนไปนำเสนอผลงานวิจัย เนื่องจากต้องขออนุมัติการเบิกค่าใช้จ่ายตามระเบียบราชการก่อน
1.7   การเตรียมต้นฉบับผลงานวิจัย หรือ Proceeding และสื่อ PowerPoint ประกอบ               การนำเสนอ/โปสเตอร์ ซึ่งสามารถเตรียมไว้ล่วงหน้าระหว่างรอการตอบรับเพื่อให้มีเวลาดำเนินการและต้องตรวจสอบความถูกต้องให้มากที่สุดเพราะเมื่อส่งไปแล้วจะแก้ไขไม่ได้ โดยเฉพาะในเรื่องความถูกต้องของการสะกดคำ การใช้ format ตามรูปแบบที่ผู้จัดกำหนด ถ้าเป็นภาษาอังกฤษควรแปลโดยมืออาชีพ (ผู้รับจ้างแปล ประมาณหน้าละ 500 บาท หรืออาจคิดเป็นห้าพันคำ/หกพันบาท ควรจ้างแบบรวมค่าทำสื่อสไลด์ประกอบการนำเสนอพร้อมกัน)
1.8   การเตรียมสื่อสไลด์/โปสเตอร์นำเสนอ ควรเตรียมให้สอดคล้องกับเวทีที่สมัครไปนำเสนอ ขนาดห้องประชุม จำนวนผู้ฟัง ภาษา และกำหนดเวลา บนสไลด์ควรมีโลโก้ของวิทยาลัยเพื่อให้เป็นมาตรฐาน ตัวอักษรความมีขนาดที่ชัดเจน มีสีสันดึงดูดความสนใจและดูสบายตา มีตัวเลขสถิติ รูปภาพ รูปกราฟ หรือแผนภูมิประกอบเพื่อให้เข้าใจง่ายและน่าสนใจ อาจให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยตรวจสอบความถูกต้องของภาษาและเนื้อหาก่อนไปนำเสนอ ซึ่งต้องมีเวลาและค่าใช้จ่าย ให้ผู้เชี่ยวชาญด้วย จึงต้องวางแผนล่วงหน้าตั้งแต่ทำวิจัย ถ้าเป็นวีดิทัศน์ควรตรวจสอบเสียงและบริหารความเสี่ยงในเรื่องระบบการเปิดที่เวทีนำเสนอ และควรซ้อมวิธีการเปิดใช้ให้คล่องก่อนเดินทาง และมีไฟล์สำรองแยกไปด้วย ภาพประกอบควรให้มีชีวิตชีวาเป็นภาพเคลื่อนไหวจะดีกว่า แต่จะเปิดได้ยากกว่า                     ส่วนรูปแบบของโปสเตอร์ที่เตรียมไปนำเสนอต้องมีขนาด (กว้าง x ยาว x สูง) และรูปแบบตรงตามที่ผู้จัดกำหนด มิฉะนั้นอาจจะติดแสดงไม่ได้และต้องเตรียมอุปกรณ์สำหรับติดตั้งไปให้พร้อมด้วย รวมทั้งออกแบบให้สะดวกในการเดินทางโดยเฉพาะทางเครื่องบินและวัสดุไม่ยับง่าย การออกแบบโปสเตอร์ควรให้มีสีสันดึงดูดความสนใจและดูสบายตา ขนาดตัวอักษรเห็นชัดเจน เนื้อหาข้อมูลควรแยกข้อมูลเป็นกลุ่มหรือบล็อกให้ชัดเจน และมีตัวเลขสถิติ รูปภาพ รูปกราฟ หรือแผนภูมิประกอบ เพื่อให้เข้าใจง่ายและน่าสนใจ มีโลโก้ของวิทยาลัยและชื่อที่อยู่ ให้ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ การออกแบบโปสเตอร์นี้อาจให้ช่างทำโปสเตอร์ช่วยออกแบบให้ได้ เจ้าของงานวิจัยต้องเตรียมข้อมูลเนื้อหาทั้งหมดใส่ไฟล์ไปให้ในรูปของ PowerPoint ควรตรวจสอบภาษาและการสะกดคำให้ถูกต้อง และต้องพูดคุยกับช่างทำโปสเตอร์ให้เข้าใจ ให้เวลาทำและนัดหมายกำหนดส่งมอบงานให้ชัดเจน และมีค่าใช้จ่าย (ประมาณตารางเมตรละ 500 บาทขึ้นไป)           ในการนำเสนอโดยโปสเตอร์ควรมีการจัดทำผลงานวิจัยเป็นแผ่นพับหรือรูปเล่มเล็ก ๆเพื่อแจกให้กับคณะกรรมการจัดการประชุม หรือผู้เข้าร่วมประชุมด้วย
1.9   เตรียมฝึกซ้อมการพูด ควรมีการซ้อมพูดและจับเวลาให้ใกล้เคียงกับเวลาที่กำหนด ถ้าเป็นเวทีระดับนานาชาติ อาจจะต้องทำ Script ไว้เพื่อการอ่านหรือเป็นแนวทางในการพูดได้สะดวกขึ้น 
1.10           การเตรียมความพร้อมส่วนบุคคล ในเรื่องการเดินทาง การจองที่พัก เสื้อผ้า            การแต่งกาย แผนที่ ยารักษาโรค ของใช้ส่วนตัว กล้องถ่ายรูป การนัดหมาย การจัดทำนามบัตรเพื่อการแจกจ่าย และอื่น ๆ ตามความจำเป็น

2. การนำเสนอผลงานวิจัย/โปสเตอร์ในการประชุมเวทีวิชาการระดับชาติ       
          มีขั้นตอนในการดำเนินงานที่แตกต่างจากการนำเสนอผลงานวิจัยระดับนานาชาติคือ ไม่ต้องเสนอให้กรรมการบริหารพิจารณา  โดยมีขั้นตอนดังนี้
          2.1 การสมัครไปนำเสนอผลงานวิจัย  โดยส่งบทคัดย่องานวิจัยไปประกอบการพิจารณาด้วย หาข้อมูลได้จากกลุ่มภารกิจด้านวิจัย การประชาสัมพันธ์ข้อมูลทางเอกสาร จดหมายราชการ หรือ             ทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์
          2.2 การติดตามผลการแจ้งตอบรับ ให้ไปนำเสนอผลงานวิจัย และรายละเอียดข้อมูลประกอบการนำเสนอ เช่น วัน เวลาที่จะให้ไปนำเสนอ สถานที่ ภาษาที่ใช้ หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อผู้รับผิดชอบ เป็นต้น
          2.3 การทำเรื่องขออนุมัติ การไปนำเสนอผลงานวิจัยตามระเบียบราชการ เมื่อได้รับการตอบรับแล้วให้นำหลักฐานการตอบรับมาทำเรื่องขออนุมัติการเดินทางและงบประมาณค่าใช้จ่าย ค่าลงทะเบียน
          2.4 การลงทะเบียนสมัคร ไปนำเสนอผลงานวิจัย เมื่อได้รับการอนุมัติตามข้อ 1.5 แล้วจึงสมัครลงทะเบียนไปนำเสนอผลงานวิจัย เนื่องจากต้องขออนุมัติการเบิกค่าใช้จ่ายตามระเบียบราชการก่อน
          2.5 การเตรียมต้นฉบับผลงานวิจัย หรือ Proceeding และสื่อ Power Point ประกอบการนำเสนอ ซึ่งสามารถเตรียมไว้ล่วงหน้าระหว่างรอการตอบรับเพื่อให้มีเวลาดำเนินการและต้องตรวจสอบความถูกต้องให้มากที่สุดเพราะเมื่อส่งไปแล้วจะแก้ไขไม่ได้ โดยเฉพาะในเรื่องความถูกต้องของการสะกดคำ การใช้ format ตามรูปแบบที่ผู้จัดกำหนด ถ้าเป็นภาษาอังกฤษควรแปลโดยมืออาชีพ      
          2.6 การเตรียมสื่อสไลด์/โปสเตอร์ที่จะนำเสนอ ควรเตรียมให้สอดคล้องกับเวทีที่สมัครไปนำเสนอ ขนาดห้องประชุม จำนวนผู้ฟัง ภาษา และกำหนดเวลา บนสไลด์ควรมีโลโก้ของวิทยาลัยเพื่อให้เป็นมาตรฐาน ตัวอักษรความมีขนาดที่ชัดเจน มีสีสันดึงดูดความสนใจและดูสบายตา มีตัวเลขสถิติ รูปภาพ รูปกราฟ หรือแผนภูมิประกอบเพื่อให้เข้าใจง่ายและน่าสนใจ อาจให้ผู้เชี่ยวชาญ                 ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของภาษาและเนื้อหาก่อนไปนำเสนอ ซึ่งต้อมีเวลาและค่าใช้จ่าย                ให้ผู้เชี่ยวชาญด้วย จึงต้องวางแผนล่วงหน้าตั้งแต่ทำวิจัย ถ้าเป็นวีดิทัศน์ควรตรวจสอบเสียงและบริหารความเสี่ยงในเรื่องระบบการเปิดที่เวทีนำเสนอ และควรซ้อมวิธีการเปิดใช้ให้คล่องก่อนเดินทาง และ            มีไฟล์สำรองแยกไปด้วย ภาพประกอบควรให้มีชีวิตชีวาเป็นภาพเคลื่อนไหวจะดีกว่า แต่จะเปิดได้ยากกว่า
         ส่วนรูปแบบของโปสเตอร์ที่เตรียมไปนำเสนอต้องมีขนาด (กว้างxยาวxสูง) และรูปแบบตรงตามที่ผู้จัดกำหนด มินั้นจะติดแสดงไม่ได้และต้องเตรียมอุปกรณ์สำหรับติดตั้งไปให้พร้อมด้วย รวมทั้งออกแบบให้สะดวกในการเดินทางโดยเฉพาะทางเครื่องบินและวัสดุไม่ยับง่าย
          การออกแบบโปสเตอร์ควรให้มีสีสันดึงดูดความสนใจและดูสบายตา ขนาดตัวอักษรเห็นชัดเจน เนื้อหาข้อมูลควรแยกข้อมูลเป็นกลุ่มหรือบล็อกให้ชัดเจน และมีตัวเลขสถิติ รูปภาพ รูปกราฟ หรือแผนภูมิประกอบ เพื่อให้เข้าใจง่ายและน่าสนใจ มีโลโก้ของวิทยาลัยและชื่อที่อยู่ให้ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ การออกแบบโปสเตอร์นี้อาจให้ช่างทำโปสเตอร์ช่วยออกแบบให้ได้ เจ้าของงานวิจัยต้องเตรียมข้อมูลเนื้อหาทั้งหมดใส่ไฟล์ไปให้ในรูปของ Power Point ควรตรวจสอบภาษาและการสะกดคำให้ถูกต้อง และต้องพูดคุยกับช่างทำโปสเตอร์ให้เข้าใจ ให้เวลาทำและนัดหมายกำหนดส่งมอบงานให้ชัดเจน และมีค่าใช้จ่าย (ประมาณตารางเมตรละ 400 บาทขึ้นไป) 
          2.7 การเตรียมฝึกซ้อมการพูด โดยเฉพาะถ้าเป็นเวทีนานาชาติ ถ้ามีผู้ชมโปสเตอร์สอบถามข้อมูล
          2.8 การเตรียมความพร้อมส่วนบุคคล ในเรื่องการเดินทาง การจองที่พัก เสื้อผ้า               การแต่งกาย แผนที่ ยารักษาโรค ของใช้ส่วนตัว กล้องถ่ายรูป การนัดหมาย และอื่น ๆ ตามความจำเป็น







3. การตีพิมพ์บทความในวารสารวิชาการระดับชาติและนานาชาติ
          3.1 การวางแผนการเรื่องการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในวารสาร ควรวางแผนเรื่องการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เริ่มการทำโครงร่างงานวิจัยเพื่อขอทุนเนื่องจากต้องใช้งบประมาณในการลงตีพิมพ์ บางวารสารต้องสมัครเป็นสมาชิกติต่อกัน 2-3 ปี จึงจะได้รับการพิจารณารับตีพิมพ์
          3.2 การศึกษาข้อมูลของวารสาร ควรศึกษาข้อมูลของวารสารที่สนใจว่าสอดคล้องกับปัญหาการวิจัยหรือไม่ และวารสารที่จะเลือกตีพิมพ์ควรเป็นวารสารที่ได้รับการรับรองในระดับชาติ และมีค่าคะแนน Impact factor สูง ๆ หรือได้รับการรับรองตามเกณฑ์ประเมินคุณภาพการศึกษา เช่น วารสารพยาบาลของสมาคมพยาบาลฯ วารสารพยาบาลสาธารณสุข วารสารพยาบาลศาสตร์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วารสารพยาบาลศาสตร์ของมหาวิทยาลัยมหิดล เป็นต้น (สามารถหาข้อมูลรายชื่อวารสารและรายละเอียดข้อกำหนดได้ที่กลุ่มงานวิจัยหรือสืบค้นข้อมูลจากเว็บไซด์ของวารสารได้)
3.3 การเตรียมต้นฉบับบทความวิจัยที่จะตีพิมพ์เผยแพร่  ควรกำหนดกรอบหรือโครงเรื่อง (แผนที่การเขียนบทความ) ไว้ก่อนว่าต้องการหัวข้อเรื่องอะไรบ้างและขอบเขตของเนื้อหาแต่ละหัวข้อเรื่อง ความยาวของแต่ละหัวข้อมากน้อยเท่าไร รวมทั้งหมดไม่เกินกี่หน้า (โดยประมาณ 12-15 หน้า) ตามที่บรรณาธิการวารสารกำหนดแบบฟอร์มไว้ ถ้าไม่ดำเนินการตามนั้นอาจจะไม่ได้รับการพิจารณารับตีพิมพ์ มีข้อเสนอแนะจากผู้มีประสบการณ์ว่าถ้าได้อ่านบทความวิจัยในวารสารที่จะลงตีพิมพ์เป็นตัวอย่างก่อนจะช่วยให้เกิดความเข้าใจและเตรียมต้นฉบับได้ง่ายขึ้น  จากนั้นจึงลงมือเขียนบทความตามกรอบหัวข้อและความยาวที่วางแผนไว้ โดยเขียนขึ้นใหม่ให้มีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกันทั้งเรื่อง และเน้นความสำคัญที่ต้องการเสนอให้ผู้อ่านทราบ ไม่ใช่การย่อวิจัยเล่มใหญ่มาทุกหัวข้อแบบสั้นๆ                  การอ้างอิงต้องให้ถูกต้องตามระบบที่วารสารกำหนด ควรเก็บเอกสารต้นฉบับและเอกสารอ้างอิงไว้ก่อน โดยคั่นหน้าไว้ หรือใส่ดัชนีไว้ให้ชัดเจน ถ้ามีการแก้ไขจะได้ทำได้ง่ายและรวดเร็ว การพิมพ์แก้ไขควรบันทึกในไฟล์ใหม่ ไม่ควรบันทึกซ้อนไฟล์เดิม เพราะบางครั้งอาจต้องแก้ไขกลับมาใช้แบบเดิม
          3.4 การตรวจสอบความถูกต้อง ความเชื่อมโยงของเนื้อหา การสะกดคำ ระเบียบวิธีการวิจัย การเขียนอ้างอิง และบรรณานุกรม ตามระบบที่วารสารกำหนดแล้วแก้ไขให้ถูกต้อง
          3.5 การส่งบทความไปให้บรรณาธิการวารสาร พิจารณารับตีพิมพ์
          3.6 การติดตามผล  ควรติดตามผลกับบรรณาธิการเป็นระยะๆ ถ้ามีการแก้ไขบรรณาธิการจะส่งต้นฉบับกลับมา ผู้เขียนควรทำความเข้าใจและรีบดำเนินการแก้ไข เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้จะขาดความต่อเนื่องและหลงลืมประเด็นได้ ถ้ามีข้อสงสัยควรติดต่อกลับไปถามหรือเจรจาต่อรองกับบรรณาธิการให้เข้าใจตรงกัน 
           3.7 การแก้ไขและส่งต้นฉบับบทความกลับ ไปให้บรรณาธิการเพื่อการตีพิมพ์ใหม่แล้วติดตามเป็นระยะ ๆ เช่นเดียวกับข้อ 3.4 ข้อสำคัญคือต้องจดจ่อไม่ย่อท้อให้กำลังใจตนเองจนกว่าจะได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการ


ปัจจัยแห่งความสำเร็จ จากความคิดเห็นในเวทีประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้สามารถสรุปปัจจัยแห่งความสำเร็จได้ดังนี้
          1. การมีแนวปฏิบัติเรื่องการเผยแพร่ผลงานวิจัย ทำให้รู้ขั้นตอนในการดำเนินงาน ส่งผลให้การดำเนินงานเสร็จทันเวลาที่กำหนด และผู้เสนอผลงานไม่มีความยุ่งยากในการดำเนินงาน
          2. วิทยาลัยพยาบาลฯ มีระบบสนับสนุนการเผยแพร่ผลงานวิจัยที่ดีจากผู้บริหารและกลุ่มภารกิจด้านการวิจัย ทั้งในด้านงบประมาณ ข้อมูลความรู้ ผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา และเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการติดต่อประสานงาน มีการให้รางวัลสนับสนุนเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้วิจัยได้เผยแพร่ผลงานวิจัยต่อไป
          3. ผู้วิจัยมีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานให้สำเร็จ




โครงการบูรณาการบริการวิชาการกับการเรียนการสอน : การสร้างเสริมแนวทางการป้องกันการใช้บุหรี่และแนวทางการเลิกสูบบุหรี่แก่เยาวชนกลุ่มเสี่ยงในสถานศึกษา



วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี  สระบุรี
ถอดบทเรียนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
โครงการบูรณาการบริการวิชาการกับการเรียนการสอน : การสร้างเสริมแนวทางการป้องกัน
การใช้บุหรี่และแนวทางการเลิกสูบบุหรี่แก่เยาวชนกลุ่มเสี่ยงในสถานศึกษา

ประภาส ธนะ

บทนำ
วัยรุ่นถือเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตและเป็นกลุ่มประชากรที่เผชิญกับปัญหาสุขภาพสืบเนื่องมาจากสภาพความก้าวหน้าทางสังคมและเทคโนโลยี  ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมากทั้งทางร่างกาย และจิตใจ มีความคิดค่อนข้างอิสระ ต้องการเป็นตัวของตัวเอง ปัจจุบันพบว่าวัยรุ่นและเยาวชนมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพจากการได้รับแรงผลักดันของเพื่อน และสื่อมวลชนที่อยู่รอบตัว มีรายงานว่าเด็กวัยรุ่นที่นิยมเล่นเกมที่มีลักษณะต่อสู้  ก้าวร้าว รุนแรง มักจะซึมซับความคิดและพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงไปโดยไม่รู้ตัว จึงทำให้เกิดอารมณ์ดื้อรั้น  ต่อต้านครู ผู้ปกครอง ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท ชกต่อยกันเมื่อมีความขัดแย้งกันได้ง่าย
ปัญหาทางจิตใจ ที่มักพบในวัยรุ่น ได้แก่อารมณ์ซึมเศร้า (depressive disorder) เป็นโรคที่พบได้บ่อยในเด็กและวัยรุ่น โดยพบว่ามีความชุกร้อยละ 1.6-8.0 ในวัยรุ่น โดยมีอัตราส่วนเพศชาย:เพศหญิง ประมาณ 1:2 หลังจากเข้าสู่วัยรุ่น พบว่าความชุกของโรคในกลุ่มนี้มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก และพบว่าผู้ป่วยเริ่มมีอาการเมื่ออายุน้อยลงกว่าเดิม การศึกษาในประเทศไทยพบว่า depressive disorder มีความชุกสูงร้อยละ 7.1 ในเด็กวัยเรียน และพบว่าวัยรุ่นร้อยละ 13.3 มีปัญหาอารมณ์ซึมเศร้าที่รุนแรง depressive disorder เป็น โรคที่มีผลกระทบต่อเด็กและวัยรุ่นอย่างมากทั้งความสามารถในด้านการเรียน การเข้าสังคม พัฒนาการด้านจิตสังคมทุกด้านรวมทั้งการพัฒนา self-esteem และ การพัฒนาความผูกพันทางอารมณ์ต่อพ่อแม่ เป็นต้น เป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาพฤติกรรมของเด็กและวัยรุ่นในปัจจุบันหลายอย่าง เช่น พฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง ปัญหาการติดสารเสพติด รวมทั้งบุหรี่และเหล้า ปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรและการมีเพศสัมพันธ์อย่างไม่ปลอดภัย และยังเป็นสาเหตุสำคัญที่สุดของปัญหาการฆ่าตัวตายในเด็กและวัยรุ่นที่มี แนว โน้มสูงขึ้นในปัจจุบัน บางครั้งพบว่าเด็กต้องแบกรับความเครียดจากความคาดหวังของผู้ปกครอง  มีภาวะเครียดในด้านต่างๆ เกิดความวิตกกังวล ทำให้มีปัญหาทางจิตใจ อารมณ์ และสังคม ความเครียดจากโรงเรียนและเพื่อน สมาธิสั้น (attention deficit hyperactivity disorder: ADHD), oppositional defiant disorder และ conduct disorder  ส่งผลให้เด็กและวัยรุ่นมีพฤติกรรมเพื่อช่วยให้เกิดความเพลิดเพลิน เบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาทางอารมณ์ มีพฤติกรรมการใช้บุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์จนเกิดอุบัติเหตุ เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ และส่งผลกระทบต่อภาวะสุขภาพต่อเนื่องถึงวัยผู้ใหญ่ ปัญหาสุขภาพวัยรุ่นเหล่านี้สามารถดูแลป้องกันได้โดยการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตของเด็กวัยรุ่นให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นเพื่อที่จะก้าวต่อไปเป็นผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์


บทสรุปจากกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้

ประเด็นที่ 1 การเตรียมชุมชน
          การติดต่อประสานงานกับชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องคำนึงถึงเพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับผลเสีย อันตรายและผลกระทบของบุหรี่ที่มีต่อสุขภาพของบุคคล  ชุมชน  ครอบครัว  สังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติสร้างเสริมแรงจูงใจในการแก้ไขพฤติกรรมการใช้บุหรี่รวมทั้งมีแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้บุหรี่ของผู้เข้าร่วมโครงการ


   ภาพที่ 1 การเตรียมชุมชน


ประเด็นที่ 2 การเตรียมนักศึกษาเพื่อเรียนรู้การสร้างเสริมแนวทางการป้องกันการ ใช้บุหรี่และแนวทางการเลิกสูบบุหรี่แก่เยาวชนกลุ่มเสี่ยงในสถานศึกษาโดยการประยุกต์ใช้เทคนิค 5As ในวัยรุ่นที่สูบบุหรี่

            การเตรียมความพร้อมนักศึกษาด้านความรู้เรื่องการเลิกบุหรี่ในรายวิชาการสอนและให้คำปรึกษาทางสุขภาพโดยครอบคลุมการจัดการเรียนรู้ในบทเรียนมีหัวข้อดังนี้

  1. - แนวทางการสอนเกี่ยวกับความรู้เกี่ยวกับบุหรี่ และแนวทางส่งเสริมพฤติกรรมที่พึงประสงค์ในการป้องกันตนเองจากอันตรายและผลกระทบของบุหรี่  
  2. วิธีการเลิกบุหรี่ หลักการให้คำปรึกษาในการเลิกบุหรี่ในคู่มือรายวิชาการสอนและให้คำปรึกษาทางสุขภาพ


การให้นักศึกษามีความพร้อมด้านความรู้เรื่องการเลิกบุหรี่ แนวทางการสอนเกี่ยวกับความรู้เกี่ยวกับบุหรี่ และแนวทางส่งเสริมพฤติกรรมที่พึงประสงค์ในการป้องกันตนเองจากอันตรายและผลกระทบของบุหรี่ และวิธีการเลิกบุหรี่ หลักการให้คำปรึกษาในการเลิกบุหรี่จะทำให้นักศึกษาเกิดความมั่นใจในการปฎิบัติการการสร้างเสริมแนวทางการป้องกันการ ใช้บุหรี่และแนวทางการเลิกสูบบุหรี่แก่เยาวชนกลุ่มเสี่ยงในสถานศึกษา

 ภาพที่ 2 และ 3 นักศึกษากำลังสอนให้ความรู้เรื่องการเลิกบุหรี่

นอกจากนี้เทคนิคการสอนให้ความรู้นอกจากการบรรยายผู้เข้าร่วมโครงการได้เรียนรู้ผ่านการให้ความรู้ผ่านฐานกิจกรรมต่างที่นักศึกษาจัดไว้ ดังภาพ



ภาพที่ 4-6 การให้ความรู้ผ่านนิทรรศการ

ประเด็นที่ 3 ประสบการณ์การเรียนรู้ในสถานการณ์จริง
         




 
ภาพที่ 7-9 การดำเนินกิจกรรม

นักศึกษาได้มีโอกาสศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเรียนรู้จากประสบการณ์จริงในผู้เข้าร่วมโครงการเป็นเป้าหมายที่สำคัญในการบูรณาการ การเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้เป็นบทบาทในการสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค







ภาพที่ 10-11 กิจกรรมเน้นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามา

การบริการให้คำปรึกษาเพื่อส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสูบบุหรี่ของกลุ่มเป้าหมาย โดยประยุกต์ใช้หลักการ 5 A (Ask, Advise, Assess, Assist, Arrange follow up) 5 R (Relevance, Risks, Rewards, Road blocks, Repetition) และ 5D (Delay, Deep Breath, Drink Water,Do something else,Destination) ตามความเหมาะสมกับสภาพการณ์ปัญหาของกลุ่มเป้าหมายแต่ละคน 


ภาพที่ 12-13 เทคนิคการให้คำปรึกษา 5As