วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

รายงานผลการสังเคราะห์ความรู้จากงานวิจัย
เรื่อง การส่งเสริม ป้องกันและควบคุมปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
(Promotion and Prevention Risk Factors Leading to Stroke Disease)
…………………………………..
         จากการสังเคราะห์องค์ความรู้จากงานวิจัยกึ่งทดลองจำนวน 2 เรื่องของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สระบุรี ที่ผ่านเกณฑ์การประเมินความน่าเชื่อถือของผลงานวิจัยที่ใช้เป็นหลักฐานโดยคณะอนุกรรมการสังเคราะห์ความรู้จากงานวิจัยวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สระบุรี ได้แก่ 1)ผลของโปรแกรมการสร้างพลังต่อการรับรู้ความ สามารถแห่งตน พฤติกรรมการดูแลตนเอง และระดับความดันโลหิตของผู้ที่มีความดันโลหิตสูงเกินระดับปกติในชุมชน พ.ศ. 2548 โดยวิมลนิจ สิงหะและประไพ กิตติบุญถวัลย์ และ 2)ผลของโปรแกรมสร้างพลังโดยประยุกต์แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพในการส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในประชาชนกลุ่มเสี่ยง อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี พ.ศ.2549 โดย รัตนา ยอดพรหมมินทร์และเกศแก้ว สอนดี
         ได้ข้อเสนอแนะแนวทางการส่งเสริมป้องกันและควบคุมปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์  ที่ผู้ให้บริการด้านสุขภาพและผู้เกี่ยวข้องสามารถนำไปใช้ในทางปฏิบัติได้  ประกอบด้วยข้อเสนอแนะ 3 ด้าน ได้แก่ 1)กลุ่มบุคคลที่ควรได้รับการส่งเสริมป้องกันปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง  2)เทคนิค/ วิธีการสร้างพลังอำนาจเพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง และ 3)การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร  ดังรายละเอียดต่อไปนี้

ข้อเสนอแนะ (Recommendations)
1.กลุ่มบุคคลที่ควรได้ รับการส่งเสริมป้องกันปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง

      บุคคลที่เริ่มมีความดันโลหิตสูงเกินระดับปกติ (pre-hypetension) บุคคลที่น้ำหนักเกินมาตรฐาน (BMI  23.9) หรือค่าเฉลี่ยรอบเอวเกินมาตรฐาน หรือผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ระดับที่ 1 ควรได้รับการสร้างเสริมพลังอำนาจเพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงโดยการสร้างการรับรู้ความสามารถหรือสมรรถนะแห่งตน ความเชื่อด้านสุขภาพ และพฤติกรรมการดูแลตนเอง (หลักฐานระดับ 2)
2.เทคนิค/วิธีการสร้างพลังอำนาจเพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
     1.กิจกรรมการสร้างพลังอำนาจเพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยง ค่าความดันโลหิต  ค่าเฉลี่ยน้ำหนักตัว หรือค่าเฉลี่ยรอบเอว  ประกอบด้วย 5 ขั้น ดังต่อไปนี้    (หลักฐานระดับ 2)
1.1            1.1 ขั้นกำหนดเป้าหมายที่คาดหวัง: ให้ผู้รับบริการระบุเป้าหมายสุขภาพที่ตนเองต้องการจากการเข้าร่วมโปรแกรมฯ โดยการทำกิจกรรมฝันดี - ฝันร้าย
1.2            1.2 ขั้นทบทวนประสบการณ์: ให้ผู้รับบริการเล่าประสบการณ์ทางด้านสุขภาพ พร้อมทั้งวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาสุขภาพที่พบทั้งจากประสบการณ์ของตนเองและบุคคลอื่นๆในชุมชน  โดยใช้การเล่นละครใบ้โยงใยหาสาเหตุของปัญหาสุขภาพ
ข้อเสนอแนะ (Recommendations)

1.3          1.3 ขั้นสร้างแนวทางสู่การปฏิบัติ:  ให้ผู้รับบริการกำหนดเป้าหมายการปรับปรุง
1.4       พฤติกรรมสุขภาพด้วยตนเอง และประกาศแผนการปรับปรุงพฤติกรรมสุขภาพของตนเองให้สมาชิกในกลุ่มรับทราบ

1.5          1.4 ขั้นความต่อเนื่องของการปฏิบัติ:  ขณะที่ผู้รับบริการปฏิบัติตามแผนการปรับปรุงพฤติกรรมสุขภาพที่ตนเองกำหนดไว้  ควรจัดให้มีบุคคลต้นแบบที่มีปัญหาสุขภาพเช่นเดียวกับผู้รับบริการแต่สามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้ดี  เพื่อช่วยสร้างแรงจูงใจให้ผู้รับบริการและเห็นทางเลือกในการปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพของตนเองให้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้

1.6          1.5 ขั้นการพัฒนาสภาวะด้านร่างกายและอารมณ์:  เปิดโอกาสให้ผู้รับบริการระบาย
1.7       ความรู้สึกหรืออุปสรรคที่ขัดขวางไม่ให้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ โดยการทำกิจกรรมสายธารชีวิต

       2.การนำโปรแกรมการสร้างพลัง มาใช้ในการส่งเสริมป้องกัน และควบคุม
 ปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง  ควรจัดกิจกรรมเสริมสร้างพลังอย่างน้อย
 2 - 4 ครั้งๆ ใช้เวลาครั้งละ ½ วัน   (หลักฐานระดับ 2)
3.การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร
      พยาบาลควรได้รับการเตรียมความพร้อมก่อนนำโปรแกรมการสร้างพลังอำนาจไปใช้ โดยวิธีการ ดังนี้ (หลักฐานระดับ 2)
    1.พยาบาลได้รับการฝึกทักษะการจัดกิจกรรมสร้างพลังอำนาจแห่งตน
    2.พยาบาลศึกษาคู่มือหรือแนวปฏิบัติการจัดกิจกรรมสร้างพลังอำนาจแห่งตน
      


 จุดอ่อนและจุดแข็งของงานวิจัย
  จากการวิเคราะห์ผลงานวิจัยกึ่งทดลองจำนวน 2 เรื่องที่ผ่านเกณฑ์การประเมินและนำมาสังเคราะห์เป็นองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมองพบว่ายังมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนอยู่บ้าง ในด้านจุดแข็งพบว่า  การได้องค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมป้องกันและควบคุมปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง  เครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูลวิจัยมีคุณภาพและมีการออกแบบงานวิจัยที่ช่วยลดอคติ  ในด้านจุดอ่อน พบว่าการระบุที่มาของจำนวนประชากรและกลุ่มตัวอย่างยังไม่ชัดเจน   กลุ่มตัวอย่างไม่ได้มาจากการสุ่มเข้ากลุ่มแต่มาจากการเลือกตามเกณฑ์ที่กำหนด  และการเก็บข้อมูลตัวแปรผลลัพธ์ เช่น ระดับความดันโลหิต น้ำหนักและเส้นรอบเอวกับกลุ่มทดลองและควบคุมในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน   

 แนวทางการพัฒนางานวิจัย  
ผลการสังเคราะห์งานวิจัยอย่างเป็นระบบครั้งนี้นำไปสู่ข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาโจทย์วิจัยและการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพการผลิตผลงานวิจัย ของวิทยาลัย  ดังต่อไปนี้
1.             พัฒนาโจทย์วิจัยที่ช่วยค้นหาคำตอบให้ได้องค์ความรู้ที่สมบูรณ์มากขึ้น ดังต่อไปนี้
1.1 มุ่งค้นหาคำตอบวิจัยในประชากรกลุ่มเสี่ยง กลุ่มผู้ป่วยและกลุ่มผู้ดูแลที่อาศัยอยู่ในจังหวัด
สระบุรีเพื่อแก้ปัญหาสุขภาพระดับจังหวัด เช่น ส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่ช่วยป้องกันการเกิดปัจจัยเสี่ยงการป้องกันการกลับเป็นซ้ำ   การฟื้นฟูสภาพและการส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้ป่วย
                 1.2  พัฒนารูปแบบการวิจัยที่มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ และการทำงานแบบบูรณาการของบุคลากรจากทุกภาคส่วนในท้องถิ่น  เพื่อให้ประชาชนเกิดการเปลี่ยนแปลงแนวคิดและวิถีการดำเนินชีวิตที่ยั่งยืน
    1.3 วิจัยประเมินผลการนำแนวปฏิบัติที่ดี (Best practice) มาใช้ในการส่งเสริม รักษา ป้องกัน และ
ฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและผู้ดูแลทั้งในคลินิก และชุมชน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาแนวปฏิบัติการดูแลผู้ป่วยและผู้ดูแลโรคหลอดเลือดสมอง
                1.4  ศึกษาต้นทุนค่าใช้จ่ายและประสิทธิผลที่ได้รับ (Cost-effectiveness) ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองทั้งที่บ้านและโรงพยาบาล
                1.5 ควรศึกษาปัจจัยทำนายที่มีอิทธิพลต่อตัวแปรตาม เช่น พฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพ  พฤติกรรมการควบคุมโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยง  การฟื้นฟูสภาพผู้ป่วย  การส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้ป่วยและผู้ดูแลโรคหลอดเลือดสมอง หรือปัจจัยการเข้ารับการรักษาซ้ำในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
               1.6 ทบทวนองค์ความรู้จากรายงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับโรคหลอดเลือดสมองที่ดำเนินการกับประชากรในจังหวัดสระบุรี เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการต่อยอดสร้างองค์ความรู้ใหม่ต่อไป 
2.             การพัฒนาคุณภาพงานวิจัยของวิทยาลัย 
3.              การขยายเครือข่ายความร่วมมือการทำงานและการเชื่อมต่อข้อมูลบุคคลกลุ่มเสี่ยงและผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในจังหวัดสระบุรี
                  วิทยาลัยมีการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งพัฒนาบัณฑิตให้เป็นผู้ที่มีสมรรถนะในการสร้างเสริมป้องกันและควบคุมโรคในบุคคลกลุ่มเสี่ยงและการฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์   ดังนั้นทางวิทยาลัยจึงควรมีการขยายเครือข่ายความร่วมมือการพัฒนางานโรคหลอดเลือดสมองร่วมกับองค์กรภาครัฐและเอกชนในจังหวัดสระบุรี  รวมทั้งควรมีการพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารและการเชื่อมต่อฐานข้อมูลบุคคลกลุ่มเสี่ยงและผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในจังหวัดสระบุรี เพื่อช่วยติดตามข้อมูลสถานการณ์การเจ็บป่วยโรคหลอดเลือดสมองและร่วมหาแนวทางป้องกันช่วยเหลือต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น