วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สระบุรี
การจัดการความรู้เรื่องการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
“ประสบการณ์การสอนการนำกระบวนการพยาบาลไปใช้ภาคปฏิบัติ”
สุรางค์ เปรื่องเดช
จากประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 21
กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 เรื่อง “เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับปริญญาตรี พ.ศ. 2548” มุ่งเน้นการผลิตบัณฑิตให้มีความรอบรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม
มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์อย่างเป็นระบบ
หมั่นแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
และสามารถติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี รวมทั้งให้เป็นผู้มีคุณธรรมและจริยธรรม และได้กล่าวถึงโครงสร้างหลักสูตรว่าประกอบด้วย
1) หมวดวิชาศึกษาทั่วไป หมายถึง วิชาที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีความรอบรู้อย่างกว้างขวาง
มีโลกทัศน์ที่กว้างไกล มีความเข้าใจธรรมชาติ ตนเอง ผู้อื่น
และสังคม เป็นผู้ใฝ่รู้
และสามารถคิดอย่างมีเหตุผล สามารถใช้ภาษาในการสื่อความหมายได้ดี
สามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันและดำรงตนอยู่ในสังคมได้เป็นอย่างดี
2) หมวดวิชาเฉพาะ หมายถึง วิชาแกน วิชาเฉพาะด้าน
วิชาพื้นฐานวิชาชีพและวิชาชีพ ที่มุ่งหมายให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ
และปฏิบัติงานได้ 3) หมวดวิชาเลือกเสรี หมายถึง วิชาที่มุ่งให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจตามที่ตนเองถนัดหรือสนใจ
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สระบุรี
เป็นสถาบันระดับอุดมศึกษาที่มุ่งมั่นผลิตบัณฑิตหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต
โดยมีรูปแบบของหลักสูตรคือเป็น หลักสูตรระดับปริญญาตรี 4 ปี ตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับอุดมศึกษา นอกจากนั้นจากทิศทางการเปลี่ยนแปลงและบริบททางด้านเศรษฐกิจ
สังคม วัฒนธรรม
การจัดการเรียนการสอนเพื่อผลิตบัณฑิตพยาบาลให้มีคุณลักษณะตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรีสาขาพยาบาลศาสตร์และมาตรฐานสมรรถนะพยาบาลวิชาชีพ
จากรายละเอียดของหลักสูตร (มคอ. 2)
หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต (หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. 2555) หมวดที่ 2 หน้า 5 ว่าด้วยเรื่องข้อมูลเฉพาะของหลักสูตร
ที่กล่าวถึงปรัชญาของหลักสูตร วรรคที 2 ว่า การศึกษาพยาบาลเป็นกระบวนการที่มุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
โดยบูรณาการศาสตร์ทาง การพยาบาล(Professional
meaning) ศาสตร์ที่เกี่ยวข้องและการเรียนรู้เกี่ยวกับผู้ใช้บริการ (Client meaning) ในเชิงสังคมวิทยา
มานุษยวิทยา มีกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เรียน ผู้สอน และผู้ใช้บริการ
บนพื้นฐานความเอื้ออาทรภายใต้สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้จากสภาพจริง
ด้วยวิธีการจัดการเรียนการสอนที่หลากหลายเพื่อให้ได้บัณฑิตที่มีคุณลักษณะมีความรู้ความสามารถเชิงวิชาชีพ
มีคุณธรรม จริยธรรม ทักษะทางปัญญา
ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
การใช้เทคโนโลยี่สารสนเทศและทักษะการปฏิบัติการพยาบาล สามารแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นระบบตามการเปลี่ยนแปลงของสังคม
สาระเรื่องกระบวนการพยาบาลเป็นเป็นสาระที่สำคัญเพราะเป็นแก่นของวิชาชีพการพยาบาลอย่างหนึ่ง กล่าวคือกระบวนการพยาบาลเครื่องมือสำคัญของพยาบาลในการปฏิบัติการพยาบาล โดยเมื่อพยาบาลใช้กระบวนการพยาบาลทำให้เข้าถึงและเข้าใจผู้รับบริการ ทราบข้อมูล
วิเคราะห์
กำหนดปัญหา/ความต้องการ
วางแผนและให้การพยาบาลครอบคลุมทั้ง 4 มิติ ตรงปัญหาและความต้องการ ซึ่งสอดคล้องกับประกาศของสภาการพยาบาลมาตรฐานที่
1 ว่าด้วย
“การใช้กระบวนการพยาบาลใน การปฏิบัติพยาบาลและการผดุงครรภ์ ต้องมีการใช้กระบวนการพยาบาลและบันทึกรายงานการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยทุกรายโดยพยาบาลวิชาชีพ” นอกจากนั้นประกาศของสภาการพยาบาลมาตรฐานที่ 5 ยังให้มีการบันทึกและการรายงานผลการปฏิบัติพยาบาลและการผดุงครรภ์ที่สามารถสะท้อนคุณภาพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
รวมทั้งต้องมีระบบการตรวจสอบคุณภาพและความสมบูรณ์ของการบันทึกทางการพยาบาลเพื่อการปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตามการนำกระบวนการพยาบาลไปใช้
ผู้ใช้จะต้องใช้บนพื้นฐานของกรอบแนวคิดและทฤษฎีทางการพยาบาล
เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าประชาชนได้รับการดูแลสุขภาพของอย่างมีคุณภาพ
ข้าพเจ้าเป็นครูพยาบาลมีประสบการณ์การสอนหัวข้อกระบวนการพยาบาลเป็นเวลานานกว่า
20 ปี มีการพัฒนา/ปรับปรุงเนื้อหาการสอนเรื่อยมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนที่
2 ของกระบวนการพยาบาลคือขั้นการวินิจฉัยการพยาบาล
มักเป็นยาขมสำหรับทั้งครูพยาบาลและนักศึกษาพยาบาล
รวมถึงพยาบาลวิชาชีพระดับต่างๆ
ข้าพเจ้าได้เขียนและดำเนินโครงการพัฒนาสมรรถนะด้านการใช้กระบวนการพยาบาลให้แก่พยาบาลวิชาชีพที่เป็นพี่เลี้ยงนักศึกษาพยาบาลในแหล่งฝึกของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สระบุรี และได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายหัวข้อการนำกระบวนการพยาบาลไปใช้ หรือการวินิจฉัยทางการพยาบาลและการนำไปใช้ รวมทั้งได้เขียนและดำเนินโครงการพัฒนาสมรรถนะด้านการใช้กระบวนการพยาบาลแก่
นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 2 และ 3
ก่อนฝึกปฏิบัติในชุมชนและหอผู้ป่วยวิชาปฏิบัติการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคและวิชาปฏิบัติการพยาบาลบุคคลที่มีปัญหาสุขภาพ
1 ,
2 และ 3
ซึ่งกิจกรรมในการเตรียมประกอบด้วยการทบทวนความรู้เรื่องกระบวนการพยาบาลทั้ง
5 ขั้นตอน รวมถึงข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการกำหนดข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล (Common errors in formulating Nursing Diagnoses) ให้แก่นักศึกษาทั้งชั้น ตามด้วยให้นักศึกษาฝึกเขียนแผนการพยาบาลจากสถานการณ์จริงตามหอผู้ป่วยที่นักศึกษาจะฝึกปฏิบัติเป็นแผนกแรกหรือสถานการณ์จำลองที่นำมาจากสถานการณ์จริง โดยมีครูประจำกลุ่มที่เป็นครูนิเทศประจำหอผู้ป่วยเป็นผู้ชี้แนะ รวมทั้งข้าพเจ้าที่เป็นครูนิเทศประจำหอผู้ป่วยอายุรกรรม
ในการเตรียมความพร้อมนั้นนักศึกษาจะต้องผ่านการฝึกด้านต่างๆดังนี้
1.
การฝึกการเขียนสรุปอาการและการรักษาก่อนรับไว้ในความดูแล เป็นการส่งเสริมให้นักศึกษาบูรณาการศาสตร์พื้นฐานวิชาชีพ เช่น เภสัชวิทยา
กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยา
พยาธิสรีรวิทยา ชีวเคมี ชีวบูรณาการ เป็นต้น กับศาสตร์ทางวิชาชีพ โดยเริ่มจากการศึกษา OPD card เวชระเบียน และแม้แต่ใบส่งต่อจากโรงพยาบาลชุมชนหรือร.พ.ส.ต.ก็ต้องศึกษา ว่าผู้ใช้บริการมาด้วยปัญหาทางการแพทย์ใด (ประวัติการเจ็บป่วย) ผลการตรวจร่างกายเป็นอย่างไร แพทย์วินิจฉัยเบื้องต้น (Impression)ใด ยืนยันการวินิจฉัยด้วยผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการใด
ผลเป็นอย่างไร ให้การรักษาอย่างไรบ้าง ตั้งแต่แรกรับจนถึงวันที่รับผู้ใช้บริการไว้ในความดูแล นอกจากนั้นถ้าผู้ใช้บริการรายนั้นปัญหาทางการแพทย์อื่นร่วม
(โรคร่วม : Comorbid)
หรือผลที่เกิดตามมาจากการเจ็บป่วยครั้งนี้นักศึกษาต้องสรุปไว้ในรายงานด้วย ซึ่งการสรุปในหัวข้อดังกล่าวสะท้อนให้ทราบว่านักศึกษาผู้นั้นมีการคิดวิเคราะห์หรือคิดวิจารณญาณ
หรือการเชื่อมโยงในระดับใด
และต้องการการชี้แนะมากน้อยแค่ไหนดังตัวอย่าง
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สระบุรี
ตัวอย่างการสรุปอาการและการรักษาก่อนรับไว้ในความดูแล
สรุปอาการและการรักษาก่อนรับไว้ในความดูแล
วันที่ 29 ม.ค. 57
1.
Dyspnea R/O Pneumonia DDx
CHF
ผู้ป่วยชายไทย วัยผู้ใหญ่ อยู่ร.พ.เป็นวันที่ 2 รับส่งต่อจากมาร.พ.เสาไห้ ด้วยอาการเหนื่อย 4
วัน PTA
มีไข้ ไอมีน้ำมูก 15 ช.ม.ก่อนเริ่มเหนื่อยหอบ 6 ช.ม.ก่อน เหนื่อยหอบ หนาวสั่น
และเหนื่อยหอบมากขึ้นจึงไปร.พ. เสาไห้ PE : T 37.7 o C , PR 98 bspm, RR 38 tspm , BP
174/104 mmHg , Lungs :
crepitation & Wheezing BLs , DTX 286 , O2 Sat 88 %
, MDx Acute asthmatic attack with Pneumonia , Rx ETT No. 7.5 depth 22
, Ventolin 1 NB X 2 doses , Berodual 1 NB X 1 dose , NSS 1000 ml V
drip จึงส่งต่อมาร.พ. สระบุรี
แรกรับที่ ER E4VTM6 , V/S : T 37.6 o C , PR 104 bspm, RR Ambu , BP 160 - 163/66 - 82 mmHg ,
O2 Sat 98 – 100 % , Lungs : crepitation & Wheezing BLs Imp.
Dyspnea R/O Pneumonia DDx CHF ,
Rx suction , Bird , s respirator, CXR
พบ Patch infiltration at
Rt. Lung นอนสังเกตอาการที่ ER 1 ช.ม.30นาที จึง Admit อ.ช. 2
PE
: รู้สึกตัว ให้ความร่วมมือ on ETT with
Bird , s respirator , RS : crepitation Rt.
Lower lung , sputum pink frosty sputum , Ext. : pitting edema 1 +
both legs
Imp.
Multilobar Pneumonia , DM , CKD ? HT
? , Rx NPO
ยกเว้น ยา , Record V/S, Bl. for CBC & plt , H/C x 2, CXR P, sputum G/S, C/S , AFB x 3 days, U/A , Berodual 1 NB
NB q 4 hr ,
on Bird , s respirator set TV 450 ml , RR 18 tspm , FiO2 0.4
,Fleuimucil (200 mg.) 1 x 3 ๏ pc , Para (500 mg) 2 tabs
๏ prn q 6 hr, Azithromycin (250 mgs) 2 tabs ๏ od ,
Record urine output keep > 160 / 4 hr , NSS 1000 ml V drip 80 ml/hr หลังจากอยู่อช. 2
ประมาณ ?
ช.ม. ผู้ป่วยถูกย้ายเข้า ICU Med
,Ventilator setting PCV , FiO2 1 , Pi 10 , PEEP 20 , Ti 1, F 20 /min. , ABG q 6 hr , Fentanyl 50 g
V stat , Dormicum (1: 1)
V drip 2 mg /hr
2.
DM with Hyperglycemia
Known
case of DM ..?. ปี
(ม.ค.56) ได้รับการรักษา on
Insulin ฉีด เช้า 28 u - 0 - 0 ,
DTX 286 จาก ร.พ. เสาไห้ และ ผล U/A
พบ glucose 4 +
, Rx : DTX q 6 hr
keep 80 – 100 mg./ dl , RI
Potocol sc ,RI (1: 1) V drip 2
u /hr , RI 5 u v
push , DTX next 1 hr ,
if 80 – 200 mg/dl ให้ F/U ต่อ q 6 hr , มีHypoglycemia DTX 44 % Rx ให้ hold
RI drip , 50 % glucose 50 ml V
push , DTX หลัง push ½ hr , then q 1 hr,
keep 80 – 100 mg./ dl , 5 % D/N/2 1000 ml V drip 80 - 100
ml/hr , RI (1: 1) V
drip 1 u /hr
3.
Anemia
จากผล CBC : Hct ...22 %...ในวันแรกของการอยู่ร.พ.,
.Rx G/M PRC 2 U , ให้ PRC 2 U
V in 4 hr ในวันแรกของการอยู่ร.พ.
Hct ...28 %....และให้ PRC 1 U V
in 4 hr ในวันที่ 2 ของการอยู่ร.พ.
4.
Acute Kidney Injury on top CKD
Known
case of DM ..?. ปี
(ม.ค.56) ผลการตรวจ Blood
for BUN , Cr วันแรกรับ BUN
104 , Cr 10.95 , U/S KUB : increase renal parenchymal edema both
kidneys without hydronephrosis & stone
ปรึกษา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคไต Rx Hemodialysis session length 3 hr ในวันที่ 2 ของการอยู่ ร.พ. ร่วมกับให้ ATB : Gentamycin 240
mg V drip in 1 hr
5.
Electrolyte
imbalance
Hyperkalemia ในวันแรกของการอยู่ร.พ.ผล
Electrolyteพบ Hyper K + 5.8
Rx Kalimate
30 gm. + น้ำ100 ml
rectal suppo q 4 hr x 3 doses และ repeat electrolyte หลังครบ doses
ผล K + ลดลงเหลือ 3.9- 4.6
Metabolic acidosis จากผล
Electrolyteในวันแรกของการอยู่ร.พ. พบHCO3- 12 , Rx 7.5 %
NaHCO3-
100 ml v drip in 2 hr จากนั้น repeat
electrolyte หลังครบ dose ผลพบ
HCO3-
13 9
Hypomagnesaemia
จากผล Electrolyteในวันแรกของการอยู่ร.พ. พบMg
1.1, Rx 50 %
MgSO4
8 ml in NSS 100 ml V drip in 4 hr
6.
Hypertension
จากผล PE ในวันแรก BP 160 - 163/66 - 82
mmHg , Rx Hydralazine 10 mg
V
record V/S
Keep BP <
180/ 110 mmHg
7.
Atrial Fibrillation
ในวันที่ 2 ของการอยู่ร.พ. (ICU Med) ผลการตรวจ HR
เร็ว ~ 160 bspm , EKG 12 lead :
AF with RVR สลับกับ Sinus
tachycardia , BP 158/94
mmHg, Rx : Cordarone 150 mg
V
drip in 1/2 hr then 600 mg
V drip in 24 hr , EKG 12 lead
2.
การสรุปแผนการรักษาตั้งแต่แรกรับจนถึงก่อนรับไว้ในความดูแลซึ่งนักศึกษาต้องสรุปประเด็นปัญหาทางการแพทย์
ในแผนการรักษาดังกล่าวรวมถึงการส่งสิ่งส่งตรวจไปห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษที่สอดคล้องกับปัญหาทางการแพทย์นั้นๆ
สะท้อนถึงนักศึกษาผู้นั้นนำความรู้ความเข้าใจเรื่องโรค พยาธิสรีรวิทยา
และเภสัชวิทยามาใช้อย่างมีเหตุมีผลและมีการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และแผนการรักษานั้นต้องสอดคล้องกับแผนการรักษาที่อยู่ในหัวข้อ
1 ดังตัวอย่าง
สรุปแผนการรักษา
วันที่ 29 ม.ค. 57
Med.
Prob.
|
แผนการรักษา
|
วัน
เดือน ปี
|
||||
Dyspnea R/O Pneumonia
DDx
CHF
|
ร.พ.
เสาไห้
ETT no 7.5
depth 22 with Ambu
CXR
NSS 1000
ml V drip 80 ml/hr
at ER
Bird , s respirator
at อ.ช. 2
on Bird , s respirator set
TV 450 ml , RR 18 tspm , FiO2 0.4
Ventolin 1 NB X 2
doses
Berodual 1
NB X 1 dose
Berodual 1 NB
NB q
4 hr
NPO ยกเว้น ยา
Record V/S
Bl. for CBC & plt , H/C x 2, CXR
P, sputum G/S,
C/S , AFB x 3 days, U/A
Fleuimucil (200 mg.) 1 x 3 ๏ pc
Para (500 mg) 2 tabs ๏ prn q 6 hr
Azithromycin
(250 mgs) 2 tabs ๏ od ,
Record urine output keep > 160 / 4 hr ,
ผู้ป่วยถูกย้ายเข้า
ICU
Med
Ventilator
setting PCV , FiO2 1 , Pi 10 , PEEP 20 , Ti 1, F 20 /min
ABG q 6 hr
Fentanyl 50 g
V
stat
Dormicum
(1: 1) V drip 2
mg /hr
|
|
||||
DM
with Hyperglycemia
Hypoglycemia
Hyperglycemia
|
DTX ร.พ. เสาไห้
DTX q 6
hr keep 80 – 100 mg./ dl at อ.ช.
2
RI Potocol sc
RI (1: 1) V drip
2 u /hr , RI 5 u v
push , DTX next 1 hr
, if 80 – 200 mg/dl ให้ F/U ต่อ q 6 hr
DTX
44 % Rx ให้ hold RI
drip , 50 % glucose 50
ml
V
push , DTX
หลัง push ½ hr
then q 1 hr,
keep 80 – 200 mg./ dl
5 % D/N/2 1000 ml V
drip 80 -
100 ml/hr ,
RI (1: 1) V
drip 1 u /hr
|
|
||||
Anemia
|
CBC & plt
G/M
PRC 2 U , ให้ PRC 2 U V in 4 hr
PRC
1 U V in 4 hr
|
|
||||
Acute
Kidney Injury on top of CKD
|
Blood for BUN , Cr
U/S KUB
Consult Nephro
Hemodialysis session length 3 hr
Gentamycin 240 mg V drip in 1 hr
|
|
||||
Electrolyte imbalance :
Hyperkalemia
|
Bl. for Electrolyte
Kalimate 30 gm. + น้ำ100 ml
rectal suppo q 4 hr x 3 doses
repeat electrolyte
หลังครบ doses
|
28 ม.ค. 57
29 ม.ค. 57
|
||||
Metabolic
acidosis
|
7.5 % NaHCO3- 100 ml v drip in 2 hr
repeat electrolyte
หลังครบ dose
|
|
||||
Hypomagnesaemia
|
50 % MgSO4
8 ml in NSS 100 ml V drip in 4 hr
|
28 ม.ค. 57
|
||||
HT
|
Hydralazine 10 mg V
record V/S
Keep BP <
180/ 110 mmHg
|
28 ม.ค. 57
|
||||
AF with RVR สลับกับ Sinus tachycardia
|
Cordarone 150 mg V drip in 1/2 hr then 600 mg
V drip in 24
hr
EKG 12 lead
|
29 ม.ค. 57
|
3.
การแปลค่าผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ การเขียนค่าที่ตรวจได้จากผู้ป่วยจะต้องแยกชนิดของเม็ดเลือดแต่ละชนิดไว้ด้วยกัน และการแปลค่าต้องเชื่อมโยงกับผู้ป่วย ไม่ใช่ลอกจากตำราโดยขาดการคิดวิจารณญาณ การแปลค่าผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ สะท้อนถึงการคิดวิเคราะห์และ
การคิดเชื่อมโยงดังตัวอย่างการแปลผลการตรวจ CBC
ผลการตรวจ Complete
Blood Count
สิ่งที่ตรวจ
|
ค่าที่ได้
|
ค่าปกติ/หน่วย
|
WBC
count
|
8.7
x 10 3
|
5.4
– 8.6 x
10 3 / ul
|
Neutrophil
|
68
%
|
55
– 75 %
|
Eosinophil
|
21
%
|
1
- 3 %
|
Basophil
|
7
%
|
0
– 2 %
|
Lymphocyte
|
4
%
|
2
- 6 %
|
Monocyte
|
0
%
|
0
– 2 %
|
|
|
|
RBC
|
2.7
|
4.38
– 5.19 ป 10 6/ul
|
Hb
|
7.7
|
11.7
– 15.6 g/dl
|
Hct
|
23.2
|
38.2
– 45.7 %
|
MCV
|
83.3
|
80.00
– 100.00 fl
|
MCH
|
27.5
|
26.0
- 34.0 pg
|
MCHC
|
33.0
|
31.0
– 37.0 g/dl
|
RDW
|
17.4
|
11.6
– 14.5 %
|
RBC
Morphology
|
Abnormal
|
|
Ovalocyte
|
few
|
|
Polychromasis
|
few
|
|
|
|
|
Plt. count
|
195
|
140
– 400 x 103 /ul
|
แปลผล
ผลการตรวจ
RBC , Hb , Hct สะท้อนว่า ผู้ใช้บริการนี้ มี ภาวะchronic
anemia ซึ่งน่าจะเกิดจากการสูญเสียเลือดจากระบบทางเดินอาหาร ขาดสารที่จำเป็นในการสร้าง RBC อีกทั้งผู้ใช้บริการเป็น known case of Cirrhosis มี
portal HT มีผลทำให้splenic HT ด้วยทำให้
RBC ถูกทำลายก่อนอายุไข
4.
การฝึกทักษะดังกล่าวจะมีการแบ่งนักศึกษาออกเป็นกลุ่มๆ
ละ 7 - 8 คน ซึ่งเป็นการฝึกให้
นักศึกษาเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม
จากการสอบถามนักศึกษาชั้นปีที่
4 ที่เคยผ่านการฝึกปฏิบัติวิชาปฏิบัติการพยาบาลบุคคลที่มีปัญหาสุขภาพ 1,2 และ 3 โดยวิธีการส่งเสริมให้มีการบูรณาการความรู้ การคิดวิเคราะห์และ การเชื่อมโยงกับสภาพผู้ใช้บริการ
ตั้งแต่ข้อ 1 – 4 นักศึกษาสะท้อนความรู้สึกออกมาว่า
การสรุปอาการและการรักษาก่อนรับไว้ในความดูแล
-
เป็นการกระตุ้นให้นักศึกษาได้ศึกษาทั้งประวัติการเจ็บป่วยที่มารับการรักษา
ณ แผนกผู้ป่วย
นอก (OPD card)และเวชระเบียน
เห็นภาพผู้ใช้บริการที่เข้ามารับการรักษาด้วยปัญหาหลัก
เรียนรู้ถึงการนำผลการตรวจที่เกี่ยวข้องมาสนับสนุนปัญหาแต่ละประเด็น
-
ช่วยให้ทราบปัญหาของผู้ใช้บริการที่ยังเหลืออยู่ช่วยในการวางแผนการพยาบาล
-
ช่วยให้ทราบพบจุดอ่อนของตนเองที่ต้องปรับปรุง หลังจากได้รับการชี้แนะจากอาจารย์แล้ว
-
ได้แนวทางการสืบค้นพยาธิสรีรวิทยา
สามารถเปรียบเทียบ/เชื่อมโยงระหว่างทฤษฎีและ
ผู้ใช้บริการ
-
ช่วยให้ทราบการดำเนินของปัญหา
-
ช่วยให้เกิดความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการสรุปอาการและการรักษาก่อนรับไว้ใน
ความดูแล
-
ได้เรียนรู้ถึงการแปลค่าผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ที่สามารถเชื่อมโยงความรู้ภาคทฤษฎี
กับผู้ใช้บริการ
โดยเฉพาะการคำนวณค่า ANC ของผลการตรวจระบบเลือด
(ค่าCBC)
นักศึกษานำไปสอนให้เพื่อนคำนวณจนเพื่อสามารคำนวณได้
-
ได้แนวทางในการนำไปประยุกต์ใช้จากการนำไปประยุกต์ใช้กับแผนกเด็กและนำเสนอข้อมูล
ขณะประชุมปรึกษากับพี่ๆได้รับคำชมว่าสรุปดี
เมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนที่ไม่ได้ผ่านการฝึกตั้งแต่ข้อ 1 – 4 จากการนำไปใช้ในการฝึกปฏิบัติวิชาปฏิบัติการบิหารการพยาบาลที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลผู้ใช้บริการคนละ
5 รายการรายงานอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ใช้บริการแก่แพทย์ได้เป็นที่ยอมรับของทั้งพี่พยาบาลและแพทย์
-
สามารถวิเคราะห์โจทย์สถานการณ์ข้อสอบในสนามต่างๆที่ผ่านๆมาได้แม่นยำ โดยเฉพาะ
นำไปใช้วิเคราะห์ค่าผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการในข้อสอบได้ถูกต้อง
-
จะนำไปประยุกต์ใช้เมื่อไปทำงานในอนาคต มีอยู่หลายครั้งที่บัณฑิตที่จบไปทำงานเป็น
พยาบาลวิชาชีพ
ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้เตรียมข้อมูลกรณีศึกษา Incident case
ซึ่งมีทั้งแพทย์และพยาบาลเข้ารับฟังโดยการนำทักษะดังกล่าวไปใช้
สรุปและข้อเสนอแนะ
อาจารย์ผู้สอนมีความสำคัญที่มีส่วนในการกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในศาสตร์และทักษะต่างๆที่ผู้เรียนสามารถนำไปใช้ทั้งในชีวิตประจำวันและปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสม การฝึกให้ผู้เรียนเกิดทักษะ ตั้งแต่ข้อ 1 – 4 จึงเป็นกลวิธีที่คุณครูพยาบาลทุกคนควรนำไปใช้เพื่อให้เกิดผลลัพธ์คือบัณฑิตพยาบาลที่มีคุณลักษณะมีความรู้ความสามารถเชิงวิชาชีพ
มีคุณธรรม จริยธรรม ทักษะทางปัญญา
ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
การใช้เทคโนโลยี่สารสนเทศและทักษะการปฏิบัติการพยาบาล สามารแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นระบบตามการเปลี่ยนแปลงของสังคม
............................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น